
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่กรมป่าไม้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ จัดแถลงข่าววันป่าไม้โลก ในวันที่ 21 มี.ค. นี้ โดยนายบุญชอบ กล่าวถึงสถานการณ์ป่าไม้ในประเทศไทยว่า กรมป่าไม้ ร่วมกับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์กรมหาชน) หรือจีสด้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมแปลภาพถ่ายดาวเทียมเพิ่มเติมหลังจากสำรวจครั้งล่าสุดระหว่างปี 2551-2556 โดยในปี 2551 พบพื้นที่ป่าทั่วประเทศมี 107 ล้านไร่ ไม่รวมสวนยางและสวนผลไม้ แต่ในปี 2556-2557 พบว่าพื้นที่ป่าเหลือเพียง 102 ล้านไร่ นั่นหมายความว่าภายใน 5 ปี ป่าไม้หายไป 5 ล้านไร่ หรือเฉลี่ยปีละ 1 ล้านไร่ โดยส่วนใหญ่มีลักษณะการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อต้องการพื้นที่เพื่อการเกษตรเป็นหลัก เพราะปัจจุบันไม้ใหญ่หรือไม้ซุงมีเหลืออยู่น้อยมาก
นายบุญชอบ กล่าวว่า สำหรับไม้ที่น่าเป็นห่วงมากในประเทศไทย คือ ไม้พะยูงที่พบว่ามีคดีเกิดขึ้นสูงมาก มีการจับกุมและลักลอบตัดทุกวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2556 จับกุมมากที่สุดในพื้นที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) ถึง 343 คดี ผู้ต้องหา 183 ราย มีไม้ของกลาง 6,959 ท่อน หรือ 309.88 ลูกบาศก์เมตร ไม้แปรรูป 1,706 แผ่น สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น) 303 คดี ผู้ต้องหา 122 รายไม้ของกลาง 6,910.00 ท่อน หรือ 297.05 ลูกบาศก์เมตร ไม้แปรรูป 2,859 แผ่น หรือ 91.56 ลูกบาศก์เมตรพื้นที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (นครพนม) 264 คดี ผู้ต้องหา 140 ราย ไม้ของกลาง 4,360 ท่อนหรือ139.59 ลูกบาศก์เมตร ไม้แปรรูป 6,793 แผ่นหรือ139.23 ลูกบาศก์เมตร พื้นที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) 229 คดี ผู้ต้องหา 88 ราย ไม้ของกลาง 2,193.00 ท่อนหรือ 100.63ลูกบาศก์เมตร ไม้แปรรูป 5,889.00 แผ่นหรือ 155.76 ลูกบาศก์เมตร และพื้นที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขาอุบลราชธานี88 คดี ผู้ต้องหา 34 ราย ไม้กลางของ 2,508 ท่อนหรือ 83.33 ลูกบาศก์เมตรได้ไม้แปรรูป 909 แผ่นหรือ 22.09 ลูกบาศก์เมตร
“สาเหตุที่ลักลอบตัดกันมากเพราะเรื่องราคาเป็นหลัก โดยมีการปั่นราคาจากคิวละ 3 แสนบาท เป็นสูงถึง 1 ล้านบาท แม้ว่าไม้พะยูงจะไม่ใช่ไม้หวงห้าม การตัดตามหัวไร่ปลายนา หรือในที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ภายในบ้านสามารถทำได้ แต่ปัญหาคือการลักลอบส่งไม้เหล่านี้ออกนอกประเทศ โดยล่าสุดกรมป่าไม้ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าอาวาสหลายวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่ามีนายทุนมาติดต่อขอซื้อไม้พะยูงที่ขึ้นอยู่ในวัด หลายวัดมีไม้พะยูงมากกว่า 10 ต้นขึ้นไป จากข้อมูลพบว่า บางวัดตัดสินใจที่จะขายไม้พะยูงให้กับนายทุนไปแล้วในราคาต้นละ 1 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้ยังพบว่าขบวนการซื้อขายไม้พะยูงยังติดสินบนกรรมการวัดและกรรมการหมู่บ้าน เพื่อขอให้วัดหรือหมู่บ้านอนุมัติให้ตัดไม้พะยูงไปขาย เพื่อนำเงินไปพัฒนาวัดหรือหมู่บ้าน”นายบุญชอบ กล่าว
นายบุญชอบ กล่าวว่า ปัจจุบันกรมป่าไม้ดูแลไม้พะยูงของกลางทั่วประเทศ 5 พันคิว แต่หากรวมกับไม้พะยูงของกลางของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะมีทั้งหมด 2 หมื่นคิว เป็นมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท แต่หากถูกส่งไปต่างประเทศราคาจะสูงขึ้นอีก 2-3 เท่า ขึ้นอยู่กับคุณภาพเนื้อไม้
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากคดีสิ้นสุดกรมป่าไม้จะจัดการอย่างไรกับไม้พะยูงของกลาง จะขายต่างประเทศในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจีทูจีซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมายของไซเตส นายบุญชอบ กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลในเวลานี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะนำไม้ของกลางไปขาย ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการจัดการไม้มีค่า โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นประธาน โดยหลักการให้นำไม้เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในประเทศ เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์หรือบำรุงรักษาวัด หรือสถานที่ราชการ เมื่อถามว่าวัดที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มนายทุนที่เข้าไปขอซื้อไม้พะยูงมีมากหรือไม่ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า มีหลายสิบวัด บางวัดมีต้นพะยูงจำนวนมาก ปลูกเป็นแปลงซึ่งมีนายทุนมาเจรจาขอซื้อ และวัดหลายแห่งต้องยอมขาย เพราะกลัวอิทธิพล และเป็นภาระเพราะต้องหาคนมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยขณะนี้ตนได้ให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสำรวจวัดที่มีไม้พะยูงทั้งหมด
นายบุญชอบ กล่าวอีกว่า เร็ว ๆ นี้จะประสานกับ ปปง. ดำเนินการกับนายทุน เพราะกฎหมายของ ปปง. ในปี 2556 ด้านทรัพยากรเริ่มยึดทรัพย์ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบการจับกุมว่าจะยึดทรัพย์เป็นตัวอย่างได้หรือไม่ เช่น ใน จ.สมุทรสาคร ที่จับกุมไม้พะยูงในโกดังว่าเข้าข่ายอายัดทรัพย์ได้หรือไม่ นอกจากนี้จะประสานกับ กอ.รมน. เนื่องจากมีรายชื่อนายทุนที่ลักลอบค้าไม้พะยูงอยู่ในบัญชี เพราะการข่าวของกอ.รมน.ระบุชื่อชัดเจนว่าใครเป็นผู้ค้า
“มาตรการป้องกันการลักลอบตัดไม้พะยูง การบังคับใช้กฎหมายก็ว่ากันไป แต่ในทางปฏิบัติอยากให้ใช้มาตรการด้านสังคมเข้ามาช่วยจะดีที่สุด เช่น ให้ชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันประณามสำหรับคนที่ลักลอบตัดไม้พะยูง โดยในเรื่องนี้หลายพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี สามารถจับกุมผู้ต้องได้เพราะส่วนหนึ่งมาจากการชี้เบาะแสของชาวบ้าน เพราะที่นั่นจะหวงแหนไม้พะยูงเพราะเป็นไม้ประจำถิ่น แต่ในหลายพื้นที่ก็ออกมาต่อต้าน เช่น ในพื้นที่อุทยานฯ ปางสีดา จ.สระแก้ว มีการต่อต้านเจ้าหน้าที่เพราะเป็นการตัดรายได้มหาศาลของพวกเขา ทั้งนี้เคยไปคุยกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้อาวุโสว่าคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับไม้พะยูงไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน หรือเจ้าหน้าที่จะมีจุดจบไม่สวยนัก แม้เรื่องนี้จะไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการ แต่เป็นความเชื่อและเกิดขึ้นจริงกับพวกที่เกี่ยวข้องกับไม้พะยูง”อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว.
หาภาพประกอบให้หลากหลาย
ตอบลบมีคลิปแทรกเสริมก็ดีนะ
blog เงียบไปนะ